
เชื่อว่าเกือบทุกบ้านน่าจะมี “เครื่องปรับอากาศหรือแอร์” ติดบ้านกันเกือบทุกหลัง บางหลังก็ติดแอร์แทบทุกห้อง เนื่องจากในปัจจุบัน…แอร์กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่มนุษย์ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน และมีแนวโน้มว่าอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ
จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดูแลรักษาความสะอาดแอร์ให้ดีที่สุด การทราบว่าความถี่ในการล้างแอร์ควรมากน้อยแค่ไหนจึงสำคัญมาก เพื่อช่วยให้แอร์เย็นและประหยัดค่าไฟได้มากที่สุด แต่ในบางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าการล้างแอร์นั้นจำเป็นจะต้องล้างบ่อยมากแค่ไหน บทความนี้จะบอกคุณเอง
ปัญหาที่ต้องเจอเมื่อไม่ค่อยได้ล้างแอร์…บ่อย
การเปิดแอร์จะช่วยทำให้บ้านของคุณเย็นสบายได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมีการใช้แอร์ไปเป็นเวลานาน อาจจะเกิดปัญหา
– แอร์ไม่เย็น
– แอร์มีกลิ่น
– แอร์มีเสียงดัง
– แอร์มีน้ำหยด
หรือบางคนก็มีความกังวลเรื่องเชื้อโควิด-19 จึงอยากที่จะล้างแอร์ให้บ่อยขึ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค แต่แน่นอนว่าการล้างแอร์ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่าย และต้องมีเวลาจัดการทั้งการเรียกช่างและคอยเฝ้าตอนช่วงล้างแอร์ จึงเกิดเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบว่าควรที่จะล้างแอร์บ่อยแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ‘พอดี’

ล้างแอร์ มีข้อดีอย่างไร ?
การล้างแอร์ คือการทำความสะอาดอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนต่างๆที่เป็นส่วนประกอบของแอร์ ซึ่งมีข้อดีต่อทั้งสุขภาพผู้อยู่อาศัย และการทำงานของแอร์เครื่องนั้นๆ ดังนี้
1 ลดการสะสมของฝุ่นและกลิ่นเหม็น
การละเลยการดูแลแอร์ จะทำให้เกิดการจับตัวของฝุ่น และอาจจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ซึ่งไม่ดีเลยต่อระบบการหายใจของคนในห้อง แต่การล้างแอร์จะช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน
2 ป้องกันเชื้อโรค
โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด หากไม่มีการล้างแอร์และเปิดใช้แอร์เป็นเวลานาน อาจจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค ซึ่งอาจจะนำพามาสู่ปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาในเรื่องของโรคภูมิแพ้ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจ
3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แอร์
การที่เรามีการทำความสะอาดแอร์ หรือล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยลดการสะสมของฝุ่นแล้ว ยังจะช่วยทำให้การถ่ายเทอากาศบริเวณคอยล์เย็นเป็นไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น การล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอจะทำให้การทำงานของแอร์ใช้พลังงานที่น้อยลง เปิดแอร์เท่าเดิม แต่แอร์เย็นกว่าเดิม
4 ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า
ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ใครๆก็อยากประหยัด การล้างแอร์ช่วยทำให้ไม่จำเป็นจะต้องคอยเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวได้ และช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ยาวนานมากขึ้นได้
ปัจจัยที่ต้องใช้พิจารณาเมื่อต้องการล้างแอร์ ?
ปัจจัยที่ใช้พิจารณาเป็นหลักมีอยู่ 2 ประเด็นสำคัญ คือ
1 ระยะเวลาการใช้งานของแอร์แต่ละเครื่อง
เพราะวัตถุประสงค์การใช้งานของแอร์แต่ละตัวไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถกำหนดอย่างชัดเจนได้ว่าช่วงเวลาการล้างแอร์ที่เหมาะสมคือตัวเลขเท่าไหร่
สำหรับบางห้อง เช่น ห้องนอน เป็นต้น อาจจะมีการเปิดแอร์เฉลี่ยประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน
แต่บางห้องยาวอาจจะต้องเปิด 24 ชั่วโมง เช่น ห้องในร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ออฟฟิต เป็นต้น
2 บรรยากาศภายนอก
บ้านไหนที่อยู่ใกล้ถนน มีรถวิ่งผ่านตลอด หรือมีฝุ่นสะสมมาก ก็จำเป็นจะต้องมีการล้างแอร์บ่อยมากกว่าบ้านที่อยู่ไกลจากถนน เพราะยิ่งมีโอกาสการเกิดฝุ่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการการทำความสะอาดที่บ่อยครั้งมากขึ้นเท่านั้น เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าคนที่อาศัยในห้องจะได้รับอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์

แล้วเราควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน ?
คำถามว่าการล้างแอร์ควรจะล้างบ่อยแค่ไหน เมื่อพิจารณาตามการใช้งานของแต่ละบุคคลแล้ว สามารถแบ่งกลุ่มความถี่ในการล้างแอร์ออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1 ล้างแอร์ทุกๆ 3-4 เดือน
จะดีมากที่สุดหากคุณล้างแอร์ทุกๆ 3-4 เดือน เพราะยิ่งล้างบ่อย ก็จะยิ่งช่วยลดการสะสมของฝุ่นได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การล้างแอร์บ่อยในลักษณะดังกล่าวนี้เหมาะกับบ้านที่มีการเปิดแอร์ทั้งวันหรือเกือบตลอดทั้งวัน มีการใช้อย่างหนัก มีการเปิดประตูเข้าออกตลอดเวลา รวมไปถึงบ้านที่มีฝุ่นค่อนข้างเยอะ เป็นต้น
การล้างแอร์บ่อยมากขึ้น จะช่วยทำให้ระบบการทำความเย็นทำงานได้เต็มที่ ช่วยลดค่าไฟ และช่วยทำให้หมดกังวลในเรื่องของความสกปรกไปได้แน่นอน
2 ล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน
ระยะเวลานี้ถึงเป็นระยะเวลามาตรฐานของการล้างแอร์สำหรับบ้านที่ใช้อยู่อาศัย ที่เปิดแอร์ทุกวัน วันละประมาณ 6-8 ชั่วโมงรวมไปถึงบ้านที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก
การล้างแอร์ปีละ 2 ครั้งแบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดสิ่งสกปรก และการสะสมโรคได้ดีเพียงพอแล้ว
3 ล้างแอร์ปีละ 1 ครั้ง
การล้างแอร์ทุกปีหรือปีละ 1 ครั้ง เหมาะกับการใช้แอร์ที่ไม่ค่อยเปิดใช้งานบ่อยมากนัก อาจจะเปิดอาทิตย์ละครั้ง หรือเดือนละครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องล้างบ่อยๆทุกๆ 6 เดือน ให้เปลืองค่าใช้จ่าย

สิ่งที่อยากให้หลีกเลี่ยงสำหรับการล้างแอร์
อย่างไรก็ตาม เราอยากจะแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการล้างแอร์แบบไม่กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอน อยากล้างเมื่อรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ลมไม่ออก หรือรู้สึกถึงความผิดปกติของแอร์
เพราะการที่ปล่อยให้แอร์ไม่เย็นแล้วค่อยดูแลอาจจะช้าเกินไป การที่มีฝุ่นมาเกาะมากๆ อาจจะทำให้แอร์เสื่อมประสิทธิภาพ และทำให้อายุการทำงานของแอร์สั้นลง
กำจัดฝุ่นในแอร์ง่ายๆด้วยตัวเอง
นอกเหนือจากการเรียกช่างมาล้างแอร์ในทุกๆช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว การล้างแผ่นกรองของแอร์ด้วยตัวเองก็เป็นหนึ่งในวิธีการทำความสะอาดเบื้องต้น ที่จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นที่ทุกๆคนสามารถทำได้เองง่ายๆ
โดยการถอดแผ่นกรองแอร์ออกมาล้างด้วยน้ำสะอาด หรือใช้แปรงสีฟันเก่าขัดเบาๆเพื่อกำจัดฝุ่นออกไป จากนั้นตากให้แห้งก่อนนำกลับไปใส่ในแอร์ตัวเดิม ก็จะช่วยทำให้แอร์ได้รับการทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว
สรุปก็คือ ความบ่อยในการล้างแอร์จะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล ยิ่งใช้หนัก ก็ยิ่งต้องล้างบ่อย แต่การล้างก็ไม่ควรปล่อยให้นานไปกว่า 1 ปี เพราะเป็นช่วงเวลาที่นานจนเกินไป อีกทั้ง การที่ช่างมาล้างแอร์ ช่างก็จะช่วยเช็คประสิทธิภาพแอร์ และดูความผิดปกติของเครื่องให้ด้วย
และที่สำคัญสิ่งสุดท้ายก็คือ คุณควรที่จะจดระยะเวลาการล้างแอร์ครั้งสุดท้ายในทุกๆครั้ง เพื่อที่จะได้คอยเตือนตัวเองว่าถึงเวลาหรือยังที่จะต้องเรียกช่างมาล้างแอร์แล้ว อย่าปล่อยให้แอร์ไม่เย็นหรือใกล้เสียก่อนจึงค่อยดูแล เพราะนั่นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย และทำให้เปลืองไฟมากขึ้นไปกว่าเดิม
เครดิตรูปภาพ