
การเลือกซื้อแอร์สักเครื่องหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะแอร์ครึ่งหนึ่งก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่ถูกเลย และทุกๆ คนที่เลือกแอร์ก็คงอยากจะได้ความคุ้มค่า และเหมาะสมกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าเทคนิคการเลือก แอร์ยี่ห้อไหนดี ว่าควรที่จะทำอย่างไร วันนี้เราจะมี 4 เทคนิคสำคัญ ที่ทำให้คุณได้มีโอกาสเรียนรู้ และจะได้นำไปใช้ในการเลือกซื้อแอร์ได้อย่างถูกต้อง และจะได้รับแอร์ที่ตรงใจตัวเองมากที่สุดด้วย จะมีเทคนิคอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึง มาตรวจสอบกันได้เลยค่ะ
เทคนิควิธีเลือกซื้อ แอร์ยี่ห้อไหนดี
1 เลือกซื้อ แอร์ ยี่ห้อไหนดี ต้องเลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง
นี่เป็นปราการด่านแรกที่จำเป็นจะต้องรู้ และ ห้ามลืมโดยเด็ดขาด! เพราะก่อนที่จะคิดว่าควรต้องเลือกแอร์ยี่ห้อไหนดี ข้อแรกเลยคือ ต้องรู้ว่าขนาดของห้องที่ต้องการติดแอร์มีขนาดเท่าไหร่ กว้างและยาวกี่เมตร เพื่อนำมาคำนวณเป็นขนาดพื้นที่ว่าได้กี่ตารางเมตร
เหตุผลที่ต้องรู้ขนาดของห้อง ก็เพราะขนาดของแอร์จะมีความเฉพาะเจาะจงกับขนาดของห้อง หากเราเลือกแอร์ที่มีขนาดเล็กเกินกว่าขนาดห้อง ก็อาจจะทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก และทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินความจำเป็น ในขณะที่ ถ้าเราเลือกแอร์เครื่องใหญ่เกินกว่าขนาดของห้อง ก็ย่อมทำให้เราเสียเงินแพงจนเกินความจำเป็นเช่นเดียวกัน
ตาราง BTU แอร์
ขนาดแอร์ | 9,000 BTU | 12,000 BTU | 18,000 BTU | 24,000 BTU |
พื้นที่ห้อง | 9-14 ตร.ม. | 14-20 ตร.ม. | 20-28 ตร.ม. | 28-36 ตร.ม. |
ดังนั้น การวัดขนาดของห้องเพื่อนำมาเทียบกับตาราง BTU แอร์ข้างต้น จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพื่อให้รู้ว่าควรจะต้องเลือกแอร์ที่มี BTU เท่าไหร่ดี แล้วจึงค่อยเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกแอร์ยี่ห้อไหนดีในลำดับถัดๆ ไป

2 เลือกซื้อ แอร์ ยี่ห้อไหนดี ต้องเลือกประเภทของแอร์ให้เหมาะสม
ในปัจจุบันนี้…มีแอร์ให้เลือกซื้อหลากหลายประเภท ตั้งแต่แอร์ติดผนังแอร์ แบบแขวนใต้ฝ้า หรือแอร์แบบ 4 ทิศทาง ซึ่งแต่ละแบบ ก็จะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ก่อนจะเลือกซื้อแอร์ยี่ห้อไหนดี ต้องคำนึงถึงจุดเด่นที่แตกต่างกันในแอร์แต่ละประเภทก่อน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
– แอร์ติดผนัง มักจะเป็นแอร์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีฟังก์ชันและรูปลักษณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงตอบโจทย์การประหยัดพลังงานมากที่สุด จึงเป็นแอร์ที่นิยมใช้ในครัวเรือน หรือในห้องขนาดเล็กแอร์
– แอร์แขวนใต้ฝ้า จะมีจุดเด่นตรงที่จะเหมาะกับพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นมามากกว่าเดิม เพราะสามารถกระจายลมเย็นได้ไกล และทั่วถึงมากกว่า รวมไปถึงมีความทนทานในการใช้งานอย่างต่อเนื่องได้ดีกว่าแอร์แบบติดผนังแอร์
– แอร์แบบ 4 ทิศทาง ตัวนี้จะช่วยลดข้อจำกัดในการติดตั้งแอร์ เพราะสามารถที่จะซ่อนเอาไว้ใต้ฝ้าเพดานได้ ทำให้ห้องที่มีการติดตั้งแอร์มีความสวยงามมากที่สุด แต่ทั้งนี้ก็จะมีราคาที่แพงมากกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ

3 เลือกซื้อ แอร์ ยี่ห้อไหนดี ต้องคิดว่าเปิดแอร์บ่อยแค่ไหน
ในกรณีที่คุณจะต้องมีการเปิดแอร์บ่อยๆ ก็ควรที่จะเลือกแอร์ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า ซึ่งอาจจะไม่ได้ดูเพียงแค่ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เท่านั้น แต่จะต้องดูระบบการทำงานของแอร์ว่าเป็นระบบ Inverter หรือไม่ เพราะระบบนี้จะช่วยทำความเย็น และประหยัดพลังงานได้ดีกว่า แม้ว่าราคาตั้งต้นจะสูงกว่าก็ตาม
แต่หากคุณเป็นคนที่เปิดแอร์บ่อยๆ เปิดแอร์ทั้งวัน การเลือกระบบอินเวอร์เตอร์ ก็จะคืนทุนได้เร็วกว่าแน่นอน ในขณะเดียวกันหากคุณต้องการติดตั้งแอร์ในห้องที่ไม่ได้เปิดบ่อยมากนัก ก็อาจจะเลือกระบบธรรมดาที่ราคาต่ำกว่า ดังนั้น นอกจากคิดถึงแอร์ยี่ห้อไหนดีแล้ว ก็ต้องเลือกรุ่นให้ถูกด้วย
4 เลือกซื้อ แอร์ ยี่ห้อไหนดี ตามยี่ห้อที่ชอบได้เลย
หลังจากพิจารณา 3 ข้อบนมาแล้ว ก็จะถึงข้อสุดท้ายนั่น ก็คือ การเลือกแอร์ยี่ห้อที่คุณชอบ ซึ่งแอร์แต่ละยี่ห้อก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบดีไซน์แบบไหน ฟังก์ชันการใช้งานแบบไหน หรือชอบเทคโนโลยีของแอร์ยี่ห้อไหนมากกว่ากัน และคุณเท่านั้นที่จะตอบได้ว่า..ควรเลือกแอร์ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน
หวังว่าทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า ควรที่จะเลือก แอร์ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสมกับการติตตั้งที่บ้านของเรามากที่สุด
อ้างอิง